กระแสเทรนด์ของโลกมีการอัพเดทอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี AI แม้กระทั้งกระแสสิ่งแวดล้อมที่มากขึ้น จึงเป็นที่มาที่เราจะมาอัพเดทกระแสเทรนด์ของโลกในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ให้ทันสมัย และตรงต่อยุคปัจจุบัน ที่พฤติกรรมผู้บริโภคมีความต้องการที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เรามาดูกับ 10 เทรนด์ในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ในปี 2024 ว่าเป็นอย่างไรกันค่ะ
1. การเล่าเรื่องของแบรนด์ (Brand Storytelling )
คนเดี๋ยวนี้มักให้ความสำคัญกับกระบวนการออกแบบ หรือ Design Process และอยากรู้ถึงการเล่าเรืองของแบรนด์ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ทำไมถึงเกิดแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์นี้ โดยผู้คนยุคนี้ต้องการรับรู้ถึงแนวคิดของงานออกแบบ จากการวิเคราะห์ 92% ของผู้บริโภคต้องการให้แบรนด์สร้างโฆษณาผ่านการเล่าเรื่องราว เพื่อเค้าจะเข้าใจและอินไปกับผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น ดังนั้นความสวยงามคงไม่ใช่คำตอบหลักเสมอไป แต่สิ่งสำคัญนั่นคือการเล่าถึงเรื่องราว และเหตุว่ามีเรื่องเป็นมาอย่างไร หรือคิดอย่างไรถึงทำผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นมา
การเล่าเรื่องของแบรนด์ ก็จะสามารถกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกที่เหมาะสมและเชื่อมโยงกับลูกค้านอกเหนือจากตัวผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้บริโภคยังมีแนวโน้มที่จะจดจำผลิตภัณฑ์ของคุณได้มากขึ้นเนื่องจากเกี่ยวข้องกับการเล่าเรื่องที่น่าสนใจของคุณค่ะ
2. ใช้ AI ในการช่วยออกแบบและเป็นผู้ช่วย (AI Assistance)
ณ ปัจจุบันกระแส AI เป็นอะไรที่เติบโตรวดเร็วอย่างมาก กระแสในการใช้เอไอมาเป็นผู้ช่วยคิด ช่วยวิเคราะห์ เช่น OpenAI Bing Bard เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นการตลาด การขาย การวิเคราะห์และคำนวณ ข้อมูลต่างๆ หรือแม้กระทั่งการให้ AI ช่วยในการออกแบบ สร้างภาพบรรจุภัณฑ์ หรือวิดีโอ เช่น Midjourney, Stable Diffusion ก็ทำให้ลดเวลาในการทำงาน เพิ่มศักยภาพ และคิดไอเดียต่อยอดได้อีกมาก ลองใช้กันดูนะคะ
3. บรรจุภัณฑ์ที่มีความยั่งยืน (Sustainable Packaging)
ปฎิเสธไม่ได้ว่า “เทรนด์ด้านความยั่งยืน” เป็นเทรนด์ที่ผู้บริโภคหลายคนให้ความสำคัญ โดยเรียกได้ว่าเทรนด์นี้เป็น Global Trend ของคนทั่วโลก ในปีนี้ ผู้บริโภคและแบรนด์ต่างหันมาใช้วัสดุที่ยั่งยืน พยายามออกแบบบรรจุภัณฑ์มาเพื่อลดผลกระทบและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่นใช้ขวดแก้วที่ recycle ได้ หรือใช้กระดาษย่อยสลายได้ง่าย บรรจุภัณฑ์จากพืช หรือใช้พลาสติกแบบ closed-loop โดยดึงเอาพลาสติกที่ใช้แล้ว กลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ทำให้พลาสติกที่กลับเข้าสู่ระบบมีคุณภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยพยายามลดปริมาณ Carbon footprint เพื่อลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ลงค่ะ
จากข้อมูลในต่างประเทศ ให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน เช่น
37% ของผู้บริโภคชาวอเมริกันให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ให้ความยั่งยืน ในการตัดสิ้นใจซื้อสินค้า
30% ของผู้บริโภคยอมซื้อสินค้าที่ที่มีราคาสูงขึ้น สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
4. มีสีสันสดใส อิ่มตัว และรูปทรงที่โดดเด่น (Vibrant and Saturated colors and Bold Shapes)
กลุ่มเจนใหม่ๆ อย่างเช่น Gen Z (คนที่เกิดหลัง พ.ศ. 2541-2565) นั้นมีบทบาทอย่างมากและให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่สร้างและเกิดมาเพื่อเขา ซึ่งหนึ่งในแบรนด์นั้นจะมีการใช้สันที่สดใหม่ รูปทรงที่โดดเด่น และแปลกใหม่ ทั้งสีสดๆ หรือใช้สีจากกลุ่มเฉดสีแบบใหม่ โดยที่กลุ่มนี้มักชื่นชอบมาจากหน้าจอมือถือ โดยเราควรจะนำกลุ่มสีเหล่านี้ให้มาลงบนบรรจุภัณฑ์ให้มากขึ้น ต้องสร้างความท้าทายของแบรนด์ โดยเลือกสีที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้นค่ะ
5. มีความเรียบง่าย มินิมอล (Minimal)
โดยมาจากแนวคิด “น้อยแต่มาก” คือการเน้นเรื่องความเรียบง่ายบนพื้นฐานของความจำเป็นและตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เป็นการออกแบบที่เรียบง่าย สะอาดตา ด้วยสีเอิร์ธโทนและโลโก้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น แบรนด์แอปเปิ้ลที่เรารู้จักกันดี ทั้งมีการใช้โลโก้ที่เรียบง่าย รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก็ใช้ความเรียบง่าย ดูดี ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ก็ยังดูทันสมัย
6. มีการใช้เทคโนโลยีมาเสริมลูกเล่นให้กับผลิตภัณฑ์ (Smart Packaging)
เป็นการพัฒนาบรรจุภัณฑ์โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสร้างจุดสนใจหรือจุดขาย ยกตัวอย่างการนำ QR Code มาสแกนเพื่อดูข้อมูลสินค้าหรือ Storytelling ที่มากขึ้น หรือจะเสริมลูกเล่นอย่าง AR มาสร้างแบบจำลอง เพื่อสร้างประสบการณ์ปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าของเราก็ดีไม่ใช่น้อยค่ะ
7. งานศิลปะหรืองานฝีมือ (Art in Craft)
งานฝีมือ เป็นงานที่สร้างคุณค่า มาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบันค่ะ เพราะเป็นงานที่ใส่ใจในรายละเอียด รวมถึงการสัมผัสที่ดูมีคุณค่า แต่ปีนี้เรามาแนะนำให้เพิ่มในส่วนของงานคราฟเชิงผสมผสานกับวัฒนธรรมเข้าไป เช่น แสดงความเป็นไทย หรือจะเป็นในยุคสมัยใหม่เพื่อสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของคุณได้เป็นอย่างดี
8. รูปแบบตัวหนังสือ ความหนา และอ่านง่าย (Typography bold easy to read)
ตัวอักษรตัวหนาและอ่านง่ายสามารถคงความมีสไตล์ได้เสมอ ศิลปะในการเลือกและออกแบบตัวหนังสือเป็นสิ่งที่สร้างความสวยงามให้ผลิตภัณฑ์ได้ดี แต่ก็ต้องให้ความสำคัญกับข้อความที่ต้องการสื่อสารกับลูกค้าด้วย ทั้งการอ่านง่าย สะอาดตา โดยเลือกใช้แบบตัวอักษรในข้อความรายละเอียดที่อ่านได้ง่าย ไม่ต้องเพ่งเยอะ รวมถึงมีความหนาเหมาะสมกับขนาดของข้อความ ก็จะช่วยสร้างความน่าจดจำให้กับแบรนด์ได้อีกด้วย
9. มีรูปทรงและโครงสร้างที่มีนวัฒกรรม (Innovative Shapes and Structures)
รูปร่างและโครงสร้างของบรรจุภัณฑ์ที่มีความสร้างสรรค์และแหวกแนวจะช่วยดึงดูดสายตาของผู้บริโภค และยังเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์ (Brand Experience) และสร้างความประทับใจที่ไม่รู้ลืมแก่ผู้บริโภคอีกด้วย เพราะบางคนไม่ได้มองว่าบรรจุภัณฑ์เป็นแค่สิ่งที่ปกป้องสินค้าที่อยู่ด้านใน แต่ยังมองว่าเป็นงานศิลปะที่ช่วยส่งเสริมการขายให้กับแบรนด์ แต่การออกแบบก็จะต้องคำนึงถึงการใช้งานได้จริง เพื่อสร้างประสบการณ์ในการใช้งานให้กับลูกค้าของเราด้วย
10. รีเฟรชดีไซน์เก่าๆ ของคุณ (Refresh your Older Designs)
หากแบรนด์ของคุณอยู่ในตลาดมาระยะหนึ่งแล้ว ก็ถึงเวลาในกาารอัปเกรดการออกแบบของคุณ ผู้บริโภคอาจคุ้นเคยกับการออกแบบเดิมที่คุณมีอยู่อยู่แล้ว และปีนี้ ก็อาจจะเป็นเวลาที่เหมาะที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ บรรจุภัณฑ์ใหม่ สีใหม่ๆ เพื่อให้ถูกใจคนรุ่นใหม่แน่นอน หรืออาจจะได้กลุ่มลูกค้าใหม่ที่มากขึ้นค่ะ โดยเริ่มต้นด้วยการเปรียบเทียบแบรนด์ของคุณกับตลาดที่ถูกต้อง แม้แต่การเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนที่สุดก็สามารถส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการรับรู้แบรนด์และยอดขายของคุณได้