เคล็ดลับออกแบบป้ายฉลากเครื่องสำอาง สิ่งที่ต้องมี สิ่งที่ควรเลี่ยง! คู่มือฉบับเข้าใจง่ายสำหรับผู้ประกอบการและนักออกแบบ เพื่อให้ฉลากผลิตภัณฑ์สวย ปัง และถูกกฎหมาย!
มาดูกันค่ะว่าการออกแบบฉลากเครื่องสำอางให้สวยงาม น่าซื้อ แถมยังถูกต้องตามกฎหมายนั้นต้องมีอะไรบ้าง และมีอะไรบ้างที่เราต้องระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเรามั่นใจได้ว่าผ่านฉลุยทุกข้อกำหนด!
สิ่งที่ต้องมีบนฉลากเครื่องสำอาง: เช็คลิสต์ห้ามพลาด!
มาเริ่มต้นกันที่สิ่งสำคัญที่ต้องมีอยู่บนฉลากเครื่องสำอางของเรานะคะ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจและถูกต้องตามกฎหมายค่ะ
ชื่อผลิตภัณฑ์และชื่อทางการค้า การมีชื่อผลิตภัณฑ์และชื่อทางการค้าที่ชัดเจนและโดดเด่นเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเลยค่ะ ข้อมูลจากหลายแหล่งระบุว่าชื่อเหล่านี้ควรมีขนาดใหญ่กว่าข้อความอื่นๆ บนฉลาก เพื่อให้สะดุดตาและผู้บริโภคสามารถจดจำได้ง่าย นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือชื่อเหล่านี้ต้องไม่สื่อถึงสรรพคุณที่เกินจริง การตั้งชื่อที่โอ้อวดเกินจริง เช่น “ครีมหน้าขาวใสใน 3 วัน” โดยที่ผลลัพธ์ดังกล่าวไม่สามารถพิสูจน์ได้ อาจเข้าข่ายการหลอกลวงผู้บริโภค ซึ่งไม่เพียงแต่ผิดกฎหมายตามประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอาง เรื่อง ฉลากของเครื่องสำอาง พ.ศ. 2562 ที่ระบุว่าฉลากต้องไม่เป็นเท็จหรือหลอกลวง แต่ยังส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในระยะยาว ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันมีความรู้และตรวจสอบข้อมูลได้ง่าย หากพบว่าผลิตภัณฑ์ไม่ได้ผลตามที่กล่าวอ้าง ก็จะเสียความไว้วางใจในแบรนด์นั้นไป ดังนั้น การเลือกใช้ชื่อผลิตภัณฑ์จึงต้องคิดให้รอบคอบ ไม่เพียงแต่ให้ดึงดูดใจ แต่ต้องสะท้อนถึงคุณสมบัติที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์ด้วย ข้อความที่ใช้เป็นชื่อทางการค้าและชื่อเครื่องสำอาง ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ควรมีความหมายสอดคล้องกัน หรือสามารถใช้ทับศัพท์ได้
ประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอาง การระบุประเภทหรือชนิดของเครื่องสำอางอย่างชัดเจนเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นครีมกันแดด, โลชั่นบำรุงผิว, แชมพูสระผม หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ การระบุให้ตรงตามจริงจะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจได้ทันทีว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีวัตถุประสงค์ในการใช้อย่างไร การแบ่งประเภทของเครื่องสำอาง เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย, ผลิตภัณฑ์กันแดด ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการและปัญหาผิวของตนเองได้อย่างแม่นยำ หากไม่ระบุประเภท อาจทำให้ผู้บริโภคสับสนและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับตนเองได้ นอกจากนี้ การระบุประเภทที่ไม่ถูกต้องอาจเข้าข่ายการให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง ซึ่งผิดต่อกฎหมาย
ส่วนประกอบทั้งหมด รายการส่วนประกอบทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตเครื่องสำอางจะต้องแสดงบนฉลากอย่างครบถ้วนและถูกต้องตามกฎหมายค่ะ โดยชื่อของสารทุกชนิดจะต้องเป็นไปตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประกาศกำหนด และต้องเรียงลำดับตามปริมาณของสารจากมากไปน้อย สำหรับสีที่อาจใช้เป็นส่วนผสม หรือสารที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า 1% ไม่จำเป็นต้องเรียงตามลำดับ แต่ให้อยู่หลังสารที่มีความเข้มข้นมากกว่า 1% และถ้ามีการใช้สารอนุภาคนาโน จะต้องระบุคำว่า “(nano)” หลังชื่อสารนั้นด้วยค่ะ การแสดงส่วนประกอบทั้งหมดตามลำดับและใช้ชื่อที่ อย. กำหนดเป็นข้อบังคับทางกฎหมายที่สำคัญ กฎหมายกำหนดเช่นนี้เพื่อให้ผู้บริโภคทราบถึงส่วนผสมทั้งหมดในผลิตภัณฑ์ และสามารถตรวจสอบได้ว่ามีสารที่ตนเองแพ้หรือไม่ นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงความโปร่งใสของผู้ผลิต การเรียงลำดับตามปริมาณยังช่วยให้ผู้บริโภคทราบว่าสารใดเป็นส่วนประกอบหลักในผลิตภัณฑ์ การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้อาจนำไปสู่บทลงโทษทางกฎหมายและการเรียกคืนสินค้า
วิธีใช้ การอธิบายวิธีใช้ผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดและเข้าใจง่ายเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามนะคะ ควรบอกข้อมูลการใช้อย่างละเอียด เช่น ผลิตภัณฑ์เซรั่ม ควรระบุว่าใช้บริเวณใด ปริมาณการใช้แต่ละครั้งเท่าใด และใช้ในช่วงเวลาใด การอธิบายวิธีใช้อย่างชัดเจนช่วยให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุดจากผลิตภัณฑ์ และลดความเสี่ยงในการใช้งานผิดวิธี หากผู้บริโภคไม่ทราบวิธีใช้อย่างถูกต้อง อาจทำให้ไม่ได้รับผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง หรืออาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ การให้ข้อมูลที่ชัดเจนจึงเป็นการสร้างความพึงพอใจและความมั่นใจให้กับผู้บริโภค การให้ข้อมูลวิธีใช้ที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้ผู้บริโภคไม่พึงพอใจในผลิตภัณฑ์ และอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์
ชื่อและที่อยู่ผู้ผลิต/นำเข้า ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าเป็นสิ่งสำคัญที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ค่ะ หากเป็นเครื่องสำอางที่ผลิตในประเทศ จะต้องระบุชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิต แต่ถ้าเป็นสินค้านำเข้า จะต้องระบุชื่อและที่อยู่ของผู้นำเข้า พร้อมทั้งชื่อผู้ผลิตและประเทศที่ผลิตด้วย การระบุชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าอย่างชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคทราบว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบต่อคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ในกรณีที่เกิดปัญหา ผู้บริโภคสามารถติดต่อสอบถามหรือร้องเรียนได้ การไม่ระบุข้อมูลนี้ถือว่าผิดกฎหมายตามประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอาง
เลขที่ใบรับจดแจ้ง บนฉลากเครื่องสำอางจะต้องมี “เลขที่ใบรับจดแจ้ง” เพื่อแสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้แจ้งรายละเอียดการผลิตเพื่อขาย หรือนำเข้าเพื่อขาย กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรียบร้อยแล้วค่ะ โดยสามารถใช้เลข 10 หลัก หรือ 13 หลักนี้ในการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้จากเว็บไซต์ของ อย. สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจะไม่มีเครื่องหมาย อย. แสดงบนฉลาก แต่จะต้องแสดง “เลขที่ใบรับแจ้ง” แทน การมีเลขที่ใบรับจดแจ้งแสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้ผ่านการตรวจสอบเบื้องต้นจาก อย. แล้ว ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในระดับหนึ่ง การสื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง “เลขที่ใบรับแจ้ง” กับ “เครื่องหมาย อย.” จะช่วยลดความสับสนและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการกำกับดูแลเครื่องสำอางในประเทศไทย การนำเลขที่ใบรับแจ้งไปใส่ไว้ในกรอบเครื่องหมาย อย. อาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดได้
ปริมาณสุทธิ การระบุปริมาณสุทธิของผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ผู้บริโภคทราบถึงปริมาณที่ได้รับค่ะ โดยจะต้องระบุหน่วยให้ชัดเจน เช่น กรัม (g) หรือ มิลลิลิตร (ml) และขนาดตัวอักษรต้องเป็นไปตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด การระบุปริมาณสุทธิที่ถูกต้องและชัดเจนเป็นเรื่องของความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค และยังช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบราคาต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ การไม่ระบุปริมาณสุทธิ หรือระบุไม่ถูกต้อง ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
วันเดือนปีที่ผลิต/หมดอายุ ข้อมูลเกี่ยวกับวันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคค่ะ โดยจะต้องระบุเดือนปีที่ผลิต หรือปีเดือนที่ผลิต และเดือนปีที่หมดอายุ หรือปีเดือนที่หมดอายุ หรือข้อความอื่นที่มีความหมายในทำนองเดียวกัน สำหรับเครื่องสำอางที่มีอายุการใช้น้อยกว่า 30 เดือน กฎหมายกำหนดให้ระบุวันเดือนปีที่หมดอายุ นอกจากนี้ อาจมีสัญลักษณ์ PAO (Period After Opening) แสดงระยะเวลาที่ควรใช้ผลิตภัณฑ์หลังจากเปิดใช้ครั้งแรก ผู้บริโภคควรตรวจสอบวันหมดอายุก่อนใช้งานผลิตภัณฑ์เสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เสื่อมคุณภาพ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังได้ สัญลักษณ์ PAO ช่วยให้ผู้บริโภคทราบว่าผลิตภัณฑ์จะมีคุณภาพดีที่สุดภายในระยะเวลากี่เดือนหลังจากเปิดใช้งานครั้งแรก ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์บางประเภท เช่น มาสคาร่า หรือครีมบำรุงผิว
ประเทศที่ผลิต หากเป็นเครื่องสำอางนำเข้า การระบุประเทศที่ผลิตเป็นสิ่งที่ต้องมีบนฉลากค่ะ ข้อมูลนี้ช่วยให้ผู้บริโภคทราบถึงแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคบางราย
คำเตือน (ถ้ามี) เครื่องสำอางบางประเภทอาจต้องแสดงคำเตือนเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่ออนามัยของผู้บริโภคค่ะ มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขและประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอางที่เกี่ยวข้องกับการแสดงคำเตือนบนฉลากสำหรับผลิตภัณฑ์บางประเภท เช่น เครื่องสำอางที่มีวัตถุกันเสีย, สารป้องกันแสงแดด, หรือยาย้อมผม ตัวอย่างคำเตือน เช่น “สำหรับใช้ภายนอกเท่านั้น”, “หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา”, “ให้หยุดใช้เมื่อเกิดอาการระคายเคืองและควรพบแพทย์ทันที” ผู้ผลิตต้องศึกษาประกาศที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด เช่น ประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอาง เรื่อง การแสดงคำเตือนที่ฉลากเครื่องสำอางที่มีวัตถุกันเสีย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2566 เพื่อให้แน่ใจว่าได้แสดงคำเตือนที่ถูกต้องและครบถ้วนสำหรับผลิตภัณฑ์ของตน การแสดงคำเตือนเป็นการให้ข้อมูลที่สำคัญแก่ผู้บริโภค เพื่อให้ใช้งานผลิตภัณฑ์ได้อย่างปลอดภัยและหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต การระบุเลขที่แสดงครั้งที่ผลิต (Batch Number หรือ Lot Number) เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับใช้ในการตรวจสอบย้อนหลังถึงกระบวนการผลิตค่ะ ข้อมูลนี้มีความสำคัญในกรณีที่ต้องมีการเรียกคืนสินค้า หรือตรวจสอบย้อนหลังถึงกระบวนการผลิต
สิ่งที่ควรระวังในการออกแบบฉลากเครื่องสำอาง เลี่ยงได้ ปลอดภัยกว่า!
ในส่วนนี้ เราจะมาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เราควรระมัดระวังเป็นพิเศษในการออกแบบฉลาก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมานะคะ
ข้อความหรือภาพที่ไม่เป็นความจริง การให้ข้อมูลที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมากับผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ ฉลากจะต้องไม่มีข้อความ รูปภาพ หรือเครื่องหมายใดๆ ที่เป็นเท็จหรือหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อ หรือทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญ การใช้ข้อความหรือภาพที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น การแสดงภาพผลไม้ที่ไม่เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ หรือการกล่าวอ้างถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ไม่ถูกต้อง จะเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในสายตาของผู้บริโภค และยังถือเป็นการละเมิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งอาจถูกดำเนินคดีได้
การกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการกล่าวอ้างสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ค่ะ เครื่องสำอางมีวัตถุประสงค์เพื่อบำรุง ดูแล หรือทำความสะอาดผิวพรรณเท่านั้น ไม่ใช่ยารักษาโรค การกล่าวอ้างสรรพคุณในทำนองว่าสามารถรักษาโรคผิวหนัง หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกาย ถือเป็นการกล่าวอ้างที่เกินจริงและผิดกฎหมาย การกล่าวอ้างสรรพคุณที่ไม่เป็นจริงจะทำให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์และแบรนด์
การใช้ภาษาที่ทำให้เข้าใจผิด การสื่อสารกับผู้บริโภคควรเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาและชัดเจนค่ะ ต้องไม่ใช้ภาษาที่ทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง การใช้คำศัพท์ที่กำกวม หรือมีหลายความหมาย อาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ ควรเลือกใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ต้องไม่ใช้คำพ้องรูป พ้องเสียง กับคำที่สื่อถึงคุณประโยชน์ คุณภาพ สรรพคุณอันเป็นเท็จ เกินจริง หรือขัดต่อวัฒนธรรมและศีลธรรมอันดีงามของไทย
ขนาดตัวอักษรที่เล็กเกินไปจนอ่านยาก การทำให้ข้อความบนฉลากสามารถอ่านได้ง่ายเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ ข้อความบนฉลากต้องมีขนาดที่สามารถอ่านได้ชัดเจน และใช้ภาษาไทยเป็นหลัก การเลือกใช้ขนาดตัวอักษรที่เหมาะสมกับขนาดของบรรจุภัณฑ์ และการเว้นวรรคที่เหมาะสม จะช่วยให้ฉลากอ่านง่ายและสบายตา ประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอางกำหนดว่าฉลากต้องมีขนาดที่สามารถอ่านได้ชัดเจน
การใช้สีหรือภาพที่ไม่เหมาะสม การเลือกใช้สีและภาพบนฉลากควรสื่อถึงส่วนประกอบหรือคุณสมบัติที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์ค่ะ ตัวอย่างเช่น หากโลโก้เป็นดอกบัว แต่ไม่มีสารสกัดจากดอกบัวในสูตร อาจต้องปรับสูตร หรือหากใช้ภาพส้มเพื่อสื่อถึงวิตามินซี ต้องมีหลักฐานว่าวิตามินซีที่ใช้มาจากส้มจริง การใช้สีและภาพที่สื่อถึงความเป็นธรรมชาติสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือการใช้สีที่ให้ความรู้สึกสดชื่นสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นแนวซิตรัส จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์ได้ การใช้สีหรือภาพที่ไม่เกี่ยวข้องอาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดเกี่ยวกับส่วนผสมหรือคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์
เคล็ดลับเพิ่มเติม: ออกแบบฉลากให้โดนใจ ปลอดภัย และถูกกฎหมาย
การใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องและอ่านง่าย เน้นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
การจัดวางข้อมูลที่เป็นระเบียบ สบายตา ออกแบบให้ดูง่าย ไม่รก
การพิจารณาขนาดพื้นที่ฉลากและข้อกำหนดสำหรับบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก สำหรับบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก (พื้นที่น้อยกว่า 20 ตารางเซนติเมตร) อนุโลมให้แสดงข้อมูลสำคัญ 5 อย่าง ได้แก่ ชื่อผลิตภัณฑ์, เลขที่ผลิต, วันเดือนปีที่ผลิต, วันเดือนปีที่หมดอายุ, และเลขที่ใบรับจดแจ้ง ส่วนข้อมูลอื่น ๆ สามารถแสดงในเอกสารแนบได้
การอัปเดตข้อมูลตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขล่าสุด: ผู้ผลิตควรติดตามประกาศใหม่ๆ ของกระทรวงสาธารณสุขและ อย. อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ฉลากเป็นไปตามข้อกำหนดล่าสุด เช่น ประกาศเรื่องวัตถุที่ห้ามใช้, วัตถุกันเสีย, คำเตือน, และอื่นๆ
ออกแบบฉลากเครื่องสำอางที่ดีต้องมีข้อมูลสำคัญครบถ้วนตามกฎหมาย (ชื่อ, ประเภท, ส่วนผสม, วิธีใช้, ผู้ผลิต, เลขจดแจ้ง, ปริมาณ, วันหมดอายุ, ประเทศผลิต, คำเตือน) และต้องหลีกเลี่ยงข้อมูลเท็จ เกินจริง หรือทำให้เข้าใจผิด รวมถึงใช้ภาษาและขนาดตัวอักษรที่อ่านง่าย และอัปเดตตามกฎหมายล่าสุด