อายุผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเพื่อความงามที่ยั่งยืน 🕰️
เคยหรือไม่ที่คุณหยิบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเก่าขึ้นมา แล้วเกิดความสงสัยว่ายังสามารถใช้งานได้อยู่หรือไม่? เช่นเดียวกับอาหาร เครื่องสำอางก็มีอายุการใช้งานที่สำคัญต่อทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผู้บริโภค บทความนี้มุ่งหวังที่จะให้ความรู้แก่ผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างแบรนด์เครื่องสำอาง และผู้บริโภคทั่วไป ให้ตระหนักถึงความสำคัญของอายุผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง วิธีการอ่านฉลากวันหมดอายุ รวมถึงข้อควรปฏิบัติเพื่อให้การใช้ผลิตภัณฑ์เป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ทำไมอายุผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจึงสำคัญ?💄
ความปลอดภัยของผู้บริโภคต้องมาก่อน
เมื่อเวลาผ่านไป ส่วนผสมในเครื่องสำอางสามารถเสื่อมสภาพลงได้ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาผิวต่างๆ เช่น การระคายเคือง ผื่นแพ้ หรือแม้กระทั่งการติดเชื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ที่สัมผัสกับผิวหนังโดยตรง หรือบริเวณที่บอบบางอย่างดวงตา เช่น มาสคาร่า อายไลเนอร์ หรือครีมบำรุงรอบดวงตา มีความเสี่ยงสูงที่จะปนเปื้อนแบคทีเรีย เชื้อรา และจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย นอกจากนี้ สารกันเสียที่ทำหน้าที่ยับยั้งการเติบโตของเชื้อจุลชีพเหล่านี้ อาจเสื่อมประสิทธิภาพลงเมื่อผลิตภัณฑ์หมดอายุ ทำให้ความเสี่ยงในการเกิดการปนเปื้อนเพิ่มสูงขึ้น
ประสิทธิภาพที่ลดลง
นอกเหนือจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว ประสิทธิภาพของเครื่องสำอางก็ลดลงตามอายุขัยของผลิตภัณฑ์เช่นกัน ส่วนผสมสำคัญที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิว เช่น วิตามิน เปปไทด์ หรือสารป้องกันแสงแดด (SPF) สามารถสลายตัวหรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่สามารถให้ผลลัพธ์ตามที่โฆษณาไว้ หรืออาจให้ผลลัพธ์ที่ด้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างเช่น วิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันและเสื่อมสภาพได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับอากาศและแสง ทำให้คุณสมบัติในการบำรุงผิวลดลงอย่างมาก การใช้ผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุจึงไม่เพียงแต่ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ แต่ยังเป็นการสิ้นเปลืองเงินโดยใช่เหตุ
ข้อกำหนดทางกฎหมายที่คุณต้องรู้
ประเทศไทย
ในประเทศไทย แม้ว่าเครื่องสำอางส่วนใหญ่จะไม่ต้องขึ้นทะเบียน แต่ผู้ผลิตและผู้นำเข้าจำเป็นต้องแจ้งข้อมูลผลิตภัณฑ์ต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนทำการตลาด สิ่งสำคัญที่ผู้ผลิตต้องทราบคือ ข้อกำหนดด้านการแสดงฉลาก ซึ่งรวมถึงการระบุวันหมดอายุ (EXP) หรือวันที่ควรใช้ก่อน (Best Before) สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการเก็บรักษาน้อยกว่า 30 เดือน โดยต้องแสดงเป็นรูปแบบ วัน/เดือน/ปี หรือ เดือน/ปี อย่างชัดเจน การแจ้งข้อมูลผลิตภัณฑ์มีอายุจำกัด (เช่น 3 ปี หรือ 1 ปีสำหรับสินค้านำเข้า) และต้องทำการต่ออายุเมื่อใกล้หมดอายุ นอกจากนี้ ยังมีข้อกำหนดอื่นๆ เกี่ยวกับการแสดงส่วนผสม คำเตือนสำหรับสารบางชนิด (เช่น Climbazole) ที่ผู้ผลิตต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ต่างประเทศ
ในสหภาพยุโรป (EU) มีการใช้สัญลักษณ์ PAO (Period After Opening) สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการเก็บรักษามากกว่า 30 เดือน ซึ่งเป็นรูปกระปุกเปิดฝา พร้อมระบุจำนวนเดือนที่ควรใช้หลังจากเปิดใช้งานครั้งแรก สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการเก็บรักษาน้อยกว่า 30 เดือน จะต้องแสดงวันที่ควรใช้ก่อน (Best Before End) พร้อมสัญลักษณ์รูปนาฬิกาทราย ในทางตรงกันข้าม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ไม่ได้มีข้อบังคับให้แสดงวันหมดอายุบนฉลากเครื่องสำอางโดยตรง แต่กำหนดให้ผู้ผลิตมีความรับผิดชอบในการรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ตลอดอายุการใช้งาน อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์บางประเภท เช่น ครีมกันแดดและยารักษาสิว ซึ่งจัดเป็นยา จะต้องมีการแสดงวันหมดอายุบนฉลาก ข้อกำหนดทางกฎหมายเหล่านี้มีความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการคุ้มครองความปลอดภัยและสุขภาพของผู้บริโภค
อายุการเก็บรักษาของเครื่องสำอางประเภทต่างๆ 🌿
อายุการเก็บรักษาของเครื่องสำอางแตกต่างกันไปในแต่ละประเภท ขึ้นอยู่กับส่วนผสม สูตรการผลิต และบรรจุภัณฑ์
กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skincare Products) เช่น ครีม, เซรั่ม, โทนเนอร์🧖♀️
โดยทั่วไปแล้ว ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวส่วนใหญ่ เช่น ครีมบำรุง เซรั่ม โทนเนอร์ คลีนเซอร์ และครีมบำรุงรอบดวงตา จะมีอายุการใช้งานหลังเปิดใช้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำเป็นหลักมีความเสี่ยงต่อการเติบโตของแบคทีเรียมากกว่า และอาจมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่า สำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ยังไม่เปิดใช้งาน มักมีอายุการเก็บรักษาประมาณ 2-3 ปี
กลุ่มผลิตภัณฑ์เมคอัพ (Makeup Products) เช่น รองพื้น, ลิปสติก, อายแชโดว์💄
- รองพื้น (Foundation) ที่เป็นเนื้อครีม ของเหลว หรือแบบแท่ง มักมีอายุการใช้งานหลังเปิดใช้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี
- ลิปสติก (Lipstick), ลิปกลอส (Lip Gloss), ดินสอเขียนขอบปาก (Lip Pencil) โดยทั่วไปมีอายุการใช้งานหลังเปิดใช้ประมาณ 1-2 ปี
- ผลิตภัณฑ์ประเภทแป้ง (Powder-based products) เช่น บลัชออน อายแชโดว์ บรอนเซอร์ มักมีอายุการใช้งานนานกว่า โดยอาจอยู่ได้นาน 1-2 ปี หรือบางครั้งนานถึง 2-3 ปี
- มาสคาร่า (Mascara) และอายไลเนอร์ชนิดเหลว (Liquid Eyeliner) มีอายุการใช้งานที่สั้นที่สุด คือประมาณ 3-6 เดือน เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อที่ดวงตา
- ดินสอเขียนขอบตา (Pencil Eyeliner) สามารถใช้งานได้นานกว่า โดยอาจอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี เนื่องจากการเหลาจะช่วยกำจัดแบคทีเรียที่สะสมบริเวณปลายดินสอ
ผลิตภัณฑ์ปกป้องแสงแดด (Sunscreen Products)☀️
ผลิตภัณฑ์กันแดดส่วนใหญ่มักมีวันหมดอายุระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์ โดยทั่วไปคือ 3 ปีนับจากวันที่ผลิต หากไม่มีการระบุวันหมดอายุ ควรพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์มีอายุการใช้งาน 3 ปีนับจากวันที่ซื้อ สิ่งสำคัญคือต้องทิ้งผลิตภัณฑ์กันแดดที่หมดอายุแล้ว เนื่องจากประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UV จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม (Hair Care Products)💇♀️
แชมพูและครีมนวดผมที่ยังไม่เปิดใช้งานสามารถเก็บรักษาได้นาน 2-3 ปี เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 12-18 เดือน ซึ่งมักระบุด้วยสัญลักษณ์ PAO ผลิตภัณฑ์ประเภทสเปรย์ เช่น สเปรย์ฉีดผมและดรายแชมพู อาจมีอายุการเก็บรักษานานกว่า เนื่องจากสัมผัสกับอากาศน้อยกว่า แชมพูที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและมีสารกันเสียในปริมาณน้อย อาจมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่า
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออายุผลิตภัณฑ์⏰
- ส่วนผสม (Ingredients) ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำสูงมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนจุลินทรีย์มากกว่า สารออกฤทธิ์จากธรรมชาติสามารถเสื่อมสภาพได้เมื่อเวลาผ่านไป ประสิทธิภาพของสารกันเสียมีบทบาทสำคัญในการยืดอายุผลิตภัณฑ์
- บรรจุภัณฑ์ (Packaging) บรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิท เช่น หลอดและขวดปั๊ม ช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์โดยลดการสัมผัสกับอากาศและสิ่งปนเปื้อน กระปุกเปิดฝาทำให้ผลิตภัณฑ์สัมผัสกับอากาศและอาจเกิดการปนเปื้อนได้ง่ายขึ้นทุกครั้งที่เปิดใช้งาน บรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพช่วยปกป้องผลิตภัณฑ์จากปัจจัยภายนอก เช่น อากาศ แสง และสิ่งสกปรก
- สภาพแวดล้อมในการเก็บรักษา (Storage Environment) การเก็บรักษาเครื่องสำอางในที่ที่มีอุณหภูมิสูง มีความชื้น หรือโดนแสงแดดโดยตรง จะเร่งการเสื่อมสภาพของส่วนผสมและทำให้อายุผลิตภัณฑ์สั้นลง การเก็บรักษาในที่แห้งและเย็นเป็นวิธีที่ดีที่สุด อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ก็ส่งผลเสียต่ออายุผลิตภัณฑ์เช่นกัน
วิธีอ่านฉลากให้เป็น 📝
ทำความรู้จักกับ EXP
คำว่า “EXP” หรือ “EXD” ที่ปรากฏบนผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางส่วนใหญ่ ย่อมาจาก Expiry Date หรือ Expiration Date ซึ่งหมายถึงวันที่ผลิตภัณฑ์หมดอายุและไม่ควรนำมาใช้งานอีกต่อไป บางครั้งอาจพบคำว่า “Best Before” หรือ “Use By” ซึ่งมีความหมายใกล้เคียงกัน รูปแบบการแสดงวันที่หมดอายุอาจแตกต่างกันไป เช่น เดือน/ปี (MM/YYYY) หรือ วัน/เดือน/ปี (DD/MM/YYYY)
PAO สัญลักษณ์บอกอายุหลังเปิดใช้
สัญลักษณ์ PAO เป็นรูปกระปุกเปิดฝา พร้อมตัวเลขและตัวอักษร “M” (เช่น 6M, 12M, 24M) สัญลักษณ์นี้บ่งบอกถึงจำนวนเดือนที่ผลิตภัณฑ์ยังคงปลอดภัยและมีประสิทธิภาพหลังจากเปิดใช้งานครั้งแรก ระยะเวลา PAO จะเริ่มนับตั้งแต่เปิดใช้งานผลิตภัณฑ์ เนื่องจากเป็นการนำจุลินทรีย์เข้าสู่ผลิตภัณฑ์
ความหมายเบื้องหลังสัญลักษณ์
นอกจาก EXP และ PAO แล้ว ยังมีสัญลักษณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอายุผลิตภัณฑ์ เช่น สัญลักษณ์รูปนาฬิกาทราย ซึ่งในสหภาพยุโรปใช้เพื่อแสดงวันที่ “ควรใช้ก่อน” สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการเก็บรักษาน้อยกว่า 30 เดือน นอกจากนี้ ยังมีรหัสชุดผลิตภัณฑ์ (Batch Code) ซึ่งเป็นตัวเลขหรือตัวอักษรที่ผู้ผลิตใช้ในการติดตามผลิตภัณฑ์ และผู้บริโภคบางครั้งสามารถใช้ตรวจสอบวันที่ผลิตได้ผ่านเว็บไซต์หรือการติดต่อกับแบรนด์โดยตรง
ตัวอย่างการแสดงวันหมดอายุบนผลิตภัณฑ์
- เดือน/ปี: เช่น 09/25 หมายถึง หมดอายุในเดือนกันยายน ปี 2025
- วัน/เดือน/ปี: เช่น 15/06/2026 หมายถึง หมดอายุวันที่ 15 มิถุนายน ปี 2026
- Month-Year: เช่น JAN 2027 หมายถึง หมดอายุในเดือนมกราคม ปี 2027
- Year-Month-Day: เช่น 2026-12-31 หมายถึง หมดอายุวันที่ 31 ธันวาคม ปี 2026
- PAO สัญลักษณ์กระปุกเปิดฝาพร้อมตัวเลข เช่น “6M” หมายถึง ควรใช้ให้หมดภายใน 6 เดือนหลังจากเปิดใช้งานครั้งแรก บางผลิตภัณฑ์อาจแสดงทั้งวันหมดอายุและสัญลักษณ์ PAO ควบคู่กันไป
ข้อสังเกตและสิ่งที่ควรจำ
ผู้บริโภคควรสังเกตทั้งวันหมดอายุ (EXP) และสัญลักษณ์ PAO เพื่อให้เข้าใจอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์อย่างครบถ้วน การจดบันทึกวันที่เปิดใช้งานผลิตภัณฑ์ลงบนบรรจุภัณฑ์จะช่วยให้สามารถติดตามระยะเวลา PAO ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากข้อมูล PAO มีเฉพาะบนกล่องบรรจุภัณฑ์ภายนอก สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ วันหมดอายุ (EXP) หมายถึงอายุของผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่เปิดใช้งาน ในขณะที่ PAO หมายถึงระยะเวลาที่ผลิตภัณฑ์ยังคงใช้ได้หลังจากเปิดใช้งานแล้ว
ความเสี่ยงจากการใช้เครื่องสำอางหมดอายุ🚨
เมื่อการระคายเคืองและการแพ้มาเยือน
ผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุอาจมีส่วนผสมที่เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ทำให้เกิดความเสี่ยงในการระคายเคือง ผื่นแดง คัน และอาการแพ้บนผิวหนังได้มากขึ้น แม้แต่ผลิตภัณฑ์ที่เคยอ่อนโยนต่อผิว ก็อาจกลายเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองได้เมื่อหมดอายุ
การติดเชื้อ ภัยร้ายที่มองไม่เห็น
เครื่องสำอางที่หมดอายุ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลวและผลิตภัณฑ์สำหรับดวงตา อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของแบคทีเรีย เชื้อรา และจุลินทรีย์อื่นๆ ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อที่ผิวหนังและดวงตาได้ เช่น เยื่อบุตาอักเสบ หรือตากุ้งยิง การใช้มาสคาร่าและอายไลเนอร์ที่หมดอายุมีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษต่อการติดเชื้อที่ดวงตา ควรหลีกเลี่ยงการเติมน้ำหรือน้ำลายลงในมาสคาร่าที่แห้ง เพราะเป็นการเพิ่มโอกาสในการปนเปื้อนแบคทีเรีย
ประสิทธิภาพที่ลดลง เหมือนไม่ได้บำรุง
สารออกฤทธิ์ในเครื่องสำอางจะค่อยๆ เสื่อมสภาพลงเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่สามารถให้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังได้ เช่น การลดเลือนริ้วรอย การปกป้องผิวจากแสงแดด ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ครีมกันแดดที่หมดอายุ ซึ่งประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UV จะลดลงอย่างมาก การใช้ผลิตภัณฑ์ที่หมดอายุจึงอาจทำให้ผู้บริโภครู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ต้องการ
คำแนะนำในการกำหนดอายุผลิตภัณฑ์และการแสดงฉลาก 📊
การทดสอบความคงตัว หัวใจสำคัญของการกำหนดอายุ
ผู้ผลิตเครื่องสำอางควรทำการทดสอบความคงตัวของผลิตภัณฑ์ (Stability Testing) เพื่อกำหนดอายุการเก็บรักษาที่เหมาะสม โดยทำการทดสอบในสภาวะแวดล้อมต่างๆ เช่น อุณหภูมิและความชื้นที่แตกต่างกัน การทดสอบประสิทธิภาพของสารกันเสีย (Challenge Tests) ก็มีความสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์จะได้รับการปกป้องจากการเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ตลอดอายุการใช้งานที่กำหนด การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตเครื่องสำอาง (Good Manufacturing Practices – GMPc) เป็นสิ่งสำคัญในการรับประกันคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ผู้ผลิตมือใหม่ควรปรึกษาผู้จำหน่ายวัตถุดิบเกี่ยวกับอายุการเก็บรักษาของส่วนผสมต่างๆ และควรทำการทดสอบผลิตภัณฑ์ในแต่ละรุ่นการผลิตอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจสอบอายุการใช้งาน
แสดงฉลากอย่างไรให้ผู้บริโภคเข้าใจง่าย
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการเก็บรักษาน้อยกว่า 30 เดือน ควรแสดงวันหมดอายุ (EXP) อย่างชัดเจนในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เช่น วัน/เดือน/ปี สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการเก็บรักษานานกว่า 30 เดือน ควรใช้สัญลักษณ์ PAO พร้อมระบุระยะเวลาเป็นจำนวนเดือน ควรระบุวันที่ผลิตและหมายเลขชุดผลิตภัณฑ์ (Batch Number) เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ การเพิ่มคำแนะนำในการเก็บรักษาบนฉลากก็เป็นประโยชน์เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ได้ สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าฉลากเป็นไปตามข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลในแต่ละประเทศ (เช่น อย. ในประเทศไทย) การแสดงฉลากที่ชัดเจนและให้ข้อมูลครบถ้วนจะช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับผู้บริโภคและรับประกันความปลอดภัยในการใช้งานผลิตภัณฑ์
เคล็ดลับการเก็บรักษาเครื่องสำอางให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น💡
หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง แสงแดด ความร้อน ความชื้น
ควรเก็บรักษาเครื่องสำอางในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรงและความร้อน (เช่น ในห้องน้ำที่มีความชื้นสูง หรือในรถที่จอดกลางแดด) อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ก็ส่งผลเสียต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้
การใช้งานอย่างถูกวิธี ปิดฝา ใส่ใจความสะอาด
ควรปิดฝาผลิตภัณฑ์ให้สนิททุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อป้องกันการสัมผัสกับอากาศและสิ่งปนเปื้อน หลีกเลี่ยงการใช้นิ้วมือสัมผัสผลิตภัณฑ์โดยตรง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกระปุก ควรใช้ไม้พายหรืออุปกรณ์ที่สะอาดในการตักแบ่ง ทำความสะอาดแปรงและอุปกรณ์แต่งหน้าอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย ไม่ควรใช้เครื่องสำอางร่วมกับผู้อื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อโรคและการติดเชื้อ ล้างมือให้สะอาดก่อนแต่งหน้าทุกครั้ง
สรุป
การใส่ใจอายุผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ทั้งในแง่ของความปลอดภัยต่อสุขภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ ผู้บริโภคควรให้ความสำคัญกับการอ่านฉลากวันหมดอายุและสัญลักษณ์ PAO เพื่อให้สามารถใช้งานผลิตภัณฑ์ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย สำหรับผู้ผลิตเครื่องสำอาง การกำหนดอายุผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและการแสดงฉลากที่ชัดเจนเป็นความรับผิดชอบที่สำคัญในการสร้างความไว้วางใจให้กับผู้บริโภค การมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องอายุผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง จะนำไปสู่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อย่างชาญฉลาด เพื่อความงามที่ยั่งยืนและสุขภาพที่ดีในระยะยาว